วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ใส่แว่นตากันแสงแดดช่วยถนอมสายได้จริงหรอ หรือพวกเราคิดกันไปเอง???? 



กับด้านที่ไม่ปรากฏให้เห็นและเช้าใจได้ หัวใจของธรรมนั้น อยู่ด้านที่ตรงกันข้ามกับด้านที่ปรากฏให้เห็นจับต้องและสัมผัสได้ดังนั้น สิงที่เรียกว่า ความรู้ ปรกติจะใช้คำว่า ปัญญา จากพุทธและสิงที่เรียกว่า ความรู้ จากวิทยาศาสตร์ จึงมักตรงข้ามกันเพราะ ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์เกิดจากการเรียนรู้จาก ปรากฏการณ์ภายนอกที่เห็นได้ สัมผัสได้ และพิสูจน์ได้เป็นสำคัญ คำว่า พิสูจน์ ยุค ศรีอาริยะการมองโลกเช่นนี้ ต่างกับสายวิทยาศาสตร์ ที่แยกโลกออกเป็นส่วนๆ แว่นตาถนอมสายตา แยกสังคมออกเป็นส่วนๆ และแยกมนุษย์ออกเป็นกลุ่มๆ และวางสมมุติฐานราวกับว่าแต่ละส่วนสามารถดำรงอยู่ได้เอง อย่างอิสระจากส่วนอื่นๆ นอกจากนี้ กรอบของการติกษาทางวิทยาศาตร์ก็แยกออกเป็นส่วนๆเช่นกันถ้าเราติกษาสังคมมนุษย์ผ่านระบบระบบต่างแต่ละระบบก็จะกลายเป็นกรอบแห่งการติกษา และการเรียนรู้ ถ้าเราติกษๅมนุษย์ เราก็จะติกษาร่างกายและจิตใจของบุคคลนั้นๆ โดยมีภาพลวงว่าร่างกายและจิตใจของแต่ละคนนั้นสามารถเข้าใจได้โดยการติกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นไปของคนคนนั้นเท่านั้นกล่าวโดยสรุปก็คือ ฐานปรัชญาวิทยาศาสตร์ แตกต่างอย่างสินเชิงจากฐานคิดทางตะวันออกนอกจากนี้วิธีการติกษาก็ต่างกัน วิทยาศาสตร์ใช้การวิจัย เจาะลึกติกษาตัวสสาร หรือปรากฏการณ์แต่ละชิ้นเป็นสำคัญหลังจากนั้นก็ใช้การพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ อย่างไร ผลจากการวิจัย คือ คำตอบวิธีการติกษาแบบตะวันออก ใช้การเฝ็าสังเกตปรากฏการณ์และใช้ แว่นตาสุดฮิต ปัญญาที่หยั่งรู้ (Intuition) เจาะหา ธรรม ที่อยู่ภายในที่ใกล้เคียงกัน คือ ฐานวิเคราะห์ พุทธ และเต่า กับแนวทางของวิทยาศาสตร์ใช้ฐานวิเคราะห์ผ่านระบบเหตุและผลเช่นเดียวกันแต่ก็แตกต่างกันเพราะพุทธและเต่า ถือว่าธรรมมีสองด้าน คือ ด้านที่รับรู้ไดีโดยทั่วไปและปรากฏให้เห็นกับด้านที่ไม่ปรากฏให้เห็นและเข้าใจได้ หัวใจของธรรมนั้น อยู่ด้านที่ตรงกันข้ามกับด้านที่ปรากฏให้เห็นจับต้องและสัมผัสได้ดังนั้น สิงที่เรียกว่า ความรู้ (ปรกติจะใช้คำว่า ปัญญา)จากพุทธและสิงที่เรียกว่า ความรู้ จากวิทยาศาสตร์ จึงมักตรงข้ามกันเพราะ ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์เกิดจากการเรียนรู้จากปรากฏการณ์ภายนอกที่เห็นได้ สัมผัสได้ และพิสูจน์ได้เป็นสำคัญ คำว่า พิสูจน์ประการแรก กฎแห่งวัฎจักร หรือกฎแห่งกรรม ประสานกับการ แว่นตาแฟชั่น เวียนว่ายตายเกิด ที่ไม่สิ นสุด ภาษาทางศาสนาเรียกกฎนี้ว่าปฏิจจสมุปบาทกล่าวคือ การดำรงอยู่ต้องอาตัยชึ่งกันและกัน (กรรมที่กระทำต่อกัน)และการเคลื่อนตัวไปด้วยกันอย่างเป็นวัฎจักรที่หมุนเวียน ผ่านภพ ชาติต่างๆ ที่ไม่สินสุดหากเอากฎวัฎจักรนี้มาเชื่อมกับกฎแห่งกรรม (ที่บรรดามนุษย์ ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธหลงที่เพิ่มพูนขึ้น)แนวคิดในเซิงทิศทางวิวัฒน์แบบตะวันออก น่าจะแตกต่างตรงกันข้ามจากแนววิทยาศาสตร์ คือน่าจะก้าวไปสู่ความเลื่อมถอยมากกว่าที่จะก้าวไปข้างหน้าเหมือนความเชื่อเรื่อง การวิวัฒน์แบบวิทยาศาตร์นี่อาจจะเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า ในที่สุดแล้วสังคมมนุษย์คงหนีกลียุค ไปไม่พ้นกฎประการที่สอง คือกฎแห่งเหตุและผล และความเชื่อมโยงเกาะเกี่ยวกันของเหตุและผลอย่างเป็นลูกโซ่ กล่าวคือธรรมชาติทุกอย่างมีเงื่อนที่มาหรือสาเหตุที่แน่นอนสาเหตุแว่นแฟชั่นและผลนี้จะเชื่อมโยงกันอย่างเป็นชุดหรือระบบจะเริ่มจากอะไร ที่ไหน ศึกษาสิงใดก็สามารถเจาะลึกไปถึงสาเหตุพื้นฐานได้ภาษาทางพระเรียกกฎฃ้อนี้ว่า อิทัปปัจจยตาการตรัสเของพระพุทธเจ้าเองก็สะท้อนถึงการเข้าใจกฎข้อนี้ โดยเฉพาะข้อสรุปว่าด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรคหมายความว่า จะแก้ทุกข์ได้ ต้องเข้าใจเสียก่อนว่าอะไรคือสาเหตุหรือต้นเหตุที่มาแห่งทุกข์นั้นๆ นอกจากนี้ยังต้องรู้ถึงหนทางในการแก้ทุกข์หรือการมียุทธวิธีในการแก้ทุกข์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในแต่ละสภาพการณ์ด้วยมีคำกล่าวของพระพุทธเจ้าที่ว่า เมื่อ “คับเหตุได้ ทุกอย่างก็คับ”ข้อสรุปนี้เอง คือที่มาสำคัญของสิงที่เรียกว่า การตรัสรู้ กล่าวคือ ถ้าคับเหตุที่มาแห่งทุกข้ไคั ก็มีทางที่จะหาทางคับทุกข์ นี่คือที่มาของแนวคิดเรื่องนิพพาน
แว่นตากันแดด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น